วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

 บุคลที่ชื่นชอบ


อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์




เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498) จิตรกรไทยมีผลงานจิตรกรรมไทยหลายอย่าง ได้มีผลงานเช่น ภาพจิตรกรรมไทยในอุโบสถวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เขียนภาพประกอบบทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก และผลงานศิลปะที่ วัดร่องขุ่น ซึ่งมีทั้งงานสถาปัตถยกรรม, ประติมากรรมปูนปั้น และงานจิตรกรรมไทย




เหตุผลที่ชื่นชอบ
  ท่านเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา  ไม่อ้อมค้อม ท่านเป็นคนที่มีความคิดและจินตนาการณ์ที่ล้ำเลิศทางด้านความเป็นศิลปิน  ถือได้ว่าท่านมีศิลปะเป็นชีวิตและจิตวิญญาณเลยก็ว่าได้  และที่สำคัญท่านมีจิตใจยึดมั่นในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก  ท่านใช้ชีวิตพื้นๆ  ทำตัวตามสบาย ไม่ได้ทำตัวร่ำรวย หรูหราฟู่ฟ่า  แต่ท่านพอใจในสิ่งที่ตนเป็น  อยู่อย่างพอเพียง  แค่นี้ชีวิตท่านก็มีความสุข


ประวัติ
ภาพพุทธศิลป์
เป็นจิตรกรที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับท่านหนึ่งของประเทศไทย เป็นชาวหมู่บ้านร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายฮั่วชิว แซ่โค้ว​(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนายไพศาล) และนางพรศรี อยู่สุข​ทำคลอดด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่น ชีวิตตอนเด็กๆ เป็นคนเกเร ไม่ตั้งใจเรียน แต่มีความชอบวาดรูป จึงพยายามเข้าเรียนที่เพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยได้รับเหรียญทองจากการประกวดผลงานระดับชาติ ในตอนที่เรียนอยู่ตอนปีที่ 4 มีผลงานรูปวาดตามผนังของวัดไทยมากมาย ผลงานปัจจุบัน ท่านตั้งใจที่จะสร้างวัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน ด้วยศิลปะไทยประยุกต์ หรือศิลปะสมัยใหม่




ผลงาน


การแสดงผลงาน เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จัดแสดงผลงานเดี่ยว และร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการสำคัญต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึงปัจจุบัน
วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย
  • พ.ศ. 2523 เป็นประธานก่อตั้งกลุ่ม "ศิลปไทย 23" เพื่อต้านอิทธิพลศิลปะจากยุโรป อเมริกา
  • พ.ศ. 2527 เริ่มโครงการจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเดินทางไปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธปทีป โดยไม่คิดค่าจ้าง
  • พ.ศ. 2539 เริ่มดำเนินการออกแบบก่อสร้างอุโบสถ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงรายบ้านเกิดของตนถวายเป็นพุทธบูชาจนถึงปัจจุบัน



รางวัลและเกีรติยศ






ทุนที่ได้รับ

  • พ.ศ. 2523 - ทุนจากกลุ่มศิลปินร่วมสมัยของศรีลังกา ร่วมกับสถานทูตไทยในโคลัมโบให้พำนักศึกษา พุทธศิลป์ เป็นเวลา 6 เดือน และทุนในการแสดงผลงาน
  • พ.ศ. 2524 - ทุนจากโยฮันเนส ซุลทส์เทสมาร์ ให้พำนักและแสดงผลงานในเยอรมนีเป็นเวลา 6 เดือน - ได้รับเชิญจากบริติชเคาน์ซิล ให้ไปดูงานศิลปะ และพบศิลปินมีชื่อของอังกฤษ
  • พ.ศ. 2526 - ทุนจากทูตวัฒนธรรมเยอรมนี ไปศึกษาดูงานพุทธศิลป์ ในประเทศพม่า
  • พ.ศ. 2527 - ทุนจากมูลนิธิวัดพระพุทธศาสนา ณ กรุงลอนดอน และรัฐบาลไทยในการเขียนภาพจิตรกรรม ฝาผนัง วัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน
  • พ.ศ. 2532 - ทุนจากกงสุลเยอรมนีในซานฟรานซิสโก แสดงผลงานในสหรัฐอเมริกา
  • พ.ศ. 2539 - ทุนจากกงสุลไทยในแอลเอ ร่วมกับสภาศิลปกรรมไทยในสหรัฐอเมริกาเพื่อเดินทางไปแสดงผลงาน เนื่องในโอกาสเปิดสถานกงสุลไทย

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2_%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B9%8C


หนังที่ชอบ


HARRY  POTTER
    เป็นหนังที่สนุกมาก และชอบมาก เพราะเป็นหนังที่สร้างได้สุดยอด เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร มีการใช้เวทย์มนต์คาถา สามารถดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดูแล้วจะเป็นการสร้างจินตนาการณ์ไปในตัว เป็นหนังที่ครบรส และถือได้ว่าเป็นหนังยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้



เซียนกระบี่พิชิตมาร
  เป็นหนังจีนที่ประทับใจมากที่สุด เป็นเรื่องราวของมนุษย์กับมาร  เป็นการท่องยุทธภพเพื่อปราบมารของผู้ผดุงคุณธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูงส่ง  เป็นการผจลภัยที่อันตราย หนทางเต็มไปด้วยปีศาจ  และเป็นบ่อเกิดเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว เปนความรักระหว่างมนุษย์และปีศาจซึ่งเปนการฝืนลิขิตสวรรค์  แต่ด้วยพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ทำให้ทั้งสองผ่านมาได้ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการสูญเสียที่เป็นไปตามชตาฟ้าลิขิต


แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง
  เป็นซีรี่เกาหลีที่ทั้งสนุก ประทับใจ และมีความรู้ เพราะเป็นซีรี่ที่เป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์เกาหลี ที่เป็นเรื่องราวของ ซอจังกึม จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีความขยัน ความมุ่งมั่น และความพยายามสูงมาก จนได้กลายมาเป็นซังกุงสูงสุดของห้องเครื่อง และด้วยเหตุการณ์ที่พลิกผันหลายอย่างทำให้จังกึมได้กลายมาเป็นหมอโดยไม่รู้ตัว






THE LORD OF THE RINGS
เป็นหนังที่สนุกและให้แง่คิดมากมาย โดยเฉพาะความโลภ เพราะในเรื่องนี้เนื้อหาสำคัญของเรื่องคือการครอบครองแหวนที่มีอภินิหารมากมายสามารถครอบครองทุกๆอย่างได้ ถ้าใครได้ไปครอบครองจะเป็นใหญ่ไม่มีใครต้านทานได้ ดังนั้นเพราะแหวนวงเดียวทำให้เกิดความโลภ เป็นเหตุให้เกิดการแย่งชิง และเกิดการสูญเสีย

Suck Seed ห่วยขั้นเทพ
เป็นหนังที่สนุกมากๆๆๆๆๆๆ ตลกมากๆๆๆๆๆๆ และฮามากๆๆๆๆๆๆๆ เป็นหนังที่เอาใจวัยรุ่น เพราะเป็นเรื่องรางของวัยรุ่นที่ชีวิตกำลังวุ่นวายกับการตามหาฝันของตัวเอง เป็นเรื่องราวมิตรภาพความรักของเพื่อน และคนรักที่ซึ้ง กินใจ เข้าใจ และเสียสละ เป็นหนังที่หลายๆคนดูแล้วอาจจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นและตามหาฝันตัวเองจนเจอก็ได้ ใครจะไปรู้



ดาราหรือนักร้องที่ชื่นชอบ

                                                     
      เฉินหลง
เป็นนักแสดงที่มีความสามารถมากๆ โดยเฉพาะเรื่องบู้ๆ เกี่ยวกับกังฟู  วัดเส้าหลิน ทุกอย่างแสดงจริง ซึ่งถือว่าเป็นความสามารถ
เฉพาะตัวที่ยากที่จะมีคนทำได้





มาริโอ้  เมาเลอร์
เป็นผู้ชายที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นิสัยก็น่ารัก เป็นคนที่แสดงหนังและแสดงละครได้เต็มบทบาท เป็นขวัญใจของสาวๆหลายๆคน นิสัยขี้เล่น แล้วก็น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกก




หลิว อี้ เฟย
เป็นผู้หญิงที่สวยมากกกกกกกกกกกกก และน่ารักมากกกกกกก จนติดอันดับของสาวสวยในเอเชีย และเป็นนักแสดงที่มากด้วยความสามารถ เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวย้อยยุคได้สวยมากๆๆๆๆ น่ารักในทุกๆอย่าง ทั้งคำพูด และการกระทำ




 


บี้ เดอะสตาร์
เป็นทั้งนักร้องที่มีคุณภาพและนักแสดงที่มีคุณภาพ บี้เป็นคนน่ารัก มีนิสัยขี้เล่น ตั้งใจทำงาน และมักมีมุกฮาๆมาเล่น เป็นนักร้องที่มีแฟนเพลงเยอะมากและเพลงที่บี้ร้องก็มีคุณภาพและผู้คนชื่นชอบทุกเพลง





แดน วรเวช  ดานุวงศ์
เป็นนักร้องที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมาก และชอบมาก น่ารัก นิสัยตลก ติ๊งต๊อง เป็นคนขี้เล่น แสดงละครก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ เป็นคนที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ

        

วิธีการใช้โปรแกรม Photo Film Strip
 
    Photo Film Strip  เป็นโปรแกรมที่เอาภาพต่างๆ มาร้อยเรียงให้เป็นหนังสั้นๆ ได้  เป็นโปรแกรมที่เนรมิตภาพถ่ายนิ่งๆ ให้ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้ด้วยการทำงาน 3 ขั้นตอน คือ เลือกภาพ ใส่เอฟเฟ็ก แล้วก็บันทึกออกมาเป็นหนัง โดยตัวโปรแกรมมีฟอร์แมตหนังที่จะทำออกมาหลายแบบให้เลือก เช่น VCD, SVCD, DVD รวมไปถึง FULL-HD ด้วย




วิธีการใช้โปรแกรมมีดังนี้





1. เข้าสู่โปรแกรม Photo Film Strip





2. พอเข้ามาสู่หน้าของโปรแกรมแล้วให้คลิกเลือก  Import Picture เพื่อเป็นการเลือกรูปภาพที่ต้องการสร้าง  แล้วก็เลือกรูปตามที่ต้องการ





3. ปรับขนาดของรูปภาพแต่ละรูปตามต้องการ  โดยภาพด้านซ้ายมือจะแสดงภาพก่อน  ส่วนภาพทางขวามือจะแสดงภาพทีหลัง



4. บันทึกไฟล์ที่ตกแต่งเสร็จแล้ว



5. คลิกเลือก Render  filmstrip เพื่อบันทึกไฟล์เป็นหนัง   



6. คลิกเลือกชนิดของ Profile  และ Type





7. คลิกเลือก Total length  แล้วตามด้วย Audio file เพื่อเป็นการเพิ่มเพลงที่ต้องการลงไปในหนัง





8. เลือกเพลงที่ต้องการแล้วคลิกเลือก Start เพื่อเป็นการบันทึก  แล้วจะได้หนังสั้นตามที่ต้องการ



วิธีการใช้ Photo Film Strip แบบง่ายๆ




ที่มา:http://downloadtopfreewares.blogspot.com/2010/08/photofilmstrip-11.html





วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554


RIM เตรียมเผยโฉม BlackBerry Tablet ภายในปีนี้





รายงานข่าวล่าสุดจากเว็บไซต์หนังสือวอลล์สตรีทเจอนัล (Wall Street Journal) ระบุว่า RIM (Research In Motion) บริษัทผู้ผลิต BlackBerry กำลังทดสอบแท็บเล็ต (tablet) ที่สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน”แบล็คเบอรี่“ได้
แหล่งข่าวอ้างว่า แท็บเล็ตแบล็คเบอรี่ กำลังอยู่ในระหว่างการเริ่มต้นพัฒนา และทดสอบการทำงาน โดยจะสามารถทำงานร่วมกับแบล็คเบอรี่โฟนได้ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Boy Genius ก็ได้รายงานว่า แท็บเล็ตแบล็คเบอรี่จะมีขนาดของหน้าจอประมาณ 8.9 นิ้ว และมาพร้อมกับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi และ Bluetooth

หลังจากแอปเปิ้ล (Apple) แนะนำไอแพด (iPad) ในเดือนเมษายน เหล่าบรรดาผู้ผลิตพีซี และสมาร์ทโฟนต่างก็ออกมาประกาศพร้อมกันว่า พวกเขากำลังพัฒนาแท็บเล็ตของตนเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งผ่านไปไม่ถึง 60 วัน แอปเปิ้ลก็ออกมาประกาศความสำเร็จของยอดขายไอแพดที่ทะลุ 2 ล้านเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว และเมื่อต้นเดือนนี้เอง Dell ก็ได้ออกมาประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตที่ชื่อว่า Streak ซึ่งมีขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว และทำงานด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิ้ล (Google) สำหรับ Streak จะมาพร้อมกับซิมการ์ดด้วย ทำให้มันโทรออกรับสายได้ ( Tablet Smartphone hybrid ) ตัวสินค้าคาดว่าจะเริ่มวางตลาดในสหรัฐเดือนหน้าที่ราคา 500 เหรียญฯ (ประมาณ 18,500 บาท) ส่วนทางด้าน HP ก็ยังอยู่ในระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับแท็บเล็ตที่ชื่อว่า HP Slate









ทางด้าน RIM หวังว่าจะสามารถเปิดตัวแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนแบล็คเบอรี่ได้ภาย ในปี 2010 ซึ่งแท็บเล็ตของ RIM อาจจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะจะช่วยยกระดับของสมาร์ทโฟนแบล็คเบอรี่ให้มีจุดเด่นมากกว่าสมาร์ทโฟนของ ผู้ผลิตรายอื่น โดยหลังจาก RIM เปิดตัว BlackBerry Storm ทางบริษัทก็ไม่ได้ออกสมาร์ทโฟนรุ่นที่มาพร้อมกับจอสัมผัสอีกเลย แท็บเล็บของ RIM จะช่วยเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างมือถือที่มีคีย์บอร์ดกับการเติบโตที่ รวดเร็วของอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสได้อย่างลงตัว
ข้อมูลจาก : arip.co.th


วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บุคคลต้นแบบในสายวิชาการ


สืบ  นาคะเสถียร


สืบ นาคะเสถียร (31 ธ.ค. 2492  1 ก.ย. 2533) นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติคนสำคัญของไทย มีบทบาทและชื่อเสียง จากการทำงานอนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ในเชี่ยวหลาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขา

เหตุผลที่ชื่นชอบ
สืบ  นาคะเสถียร  เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นอยู่ในตัวสูงมาก ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ เปนผู้ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ แม้แต่ความหวังที่เขาคิดว่ามีอยู่น้อยนิดหรือแทบจะไม่มีในการดูแลรักษาป่า แต่เขาก็ยังทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อไปดูแลผืนป่าและสัตว์ป่า โดยที่ไม่คิดถึงความลำบากใดๆ เป็นบุคคลที่เสียสละที่น่ายกย่องและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชนรุ่นหลังต่อไป



ชีวประวัติ ของ สืบ  นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร หรือชื่อเดิม "สืบยศ" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บุตรของ นายสลับ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม สืบมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยสืบเป็นบุตรชายคนโต น้องชายและน้องสาวอีก 2 คนคือ กอบกิจ นาคะเสถียร และ กัลยา รักษาสิริกุล สืบมีบุตรสาว 1 คนชื่อชินรัตน์ ในวัยเด็ก สืบ ได้ช่วยงานในนาของมารดาด้วยความอดทน บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด สืบได้ช่วยทำงานในนา ของมารดา เมื่อว่างจากภาระดังกล่าว ก็ออกท่องเที่ยวไปกับเพื่อน โดยมีหนังสติ๊กคู่ใจ



ประวัติการศึกษา

สืบได้เข้าเรียนชั้น ประถมตอนต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ช่วงปิดเทอมว่างจากการเรียน ก็ออกไปช่วยทางบ้าน ยกเสริมแนวคันนาเอง เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน เมื่อเรียนจบชั้นประถม 4 ได้ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2511 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 และต่อมาได้ทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2517 สืบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 สืบได้รับทุนการศึกษาจากบริติชเคาน์ซิลเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกครั้ง สาขาอนุรักษ์วิทยาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2524






สืบกับมรดกงานวิจัยด้านสัตว์ป่า


หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สืบ นาคะเสถียร ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงหน่วยงานที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น เขาตัดสินใจเลือกกองนี้เพราะต้องการทำงานเกี่ยวกับสัตว์ป่า งานแรกของสืบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี เป็นจุดที่ทำให้สืบได้เรียนรู้ว่าได้มีผู้มีอิทธิพลบุกรุกทำลายป่าจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 ได้เรียนต่ออีกที่อังกฤษ ถึงปี 2524 ได้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากร ฝึกอบรมพนักงานพิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น และ 2 ปีต่อมา ในปี 2526 สืบได้ขอย้ายตัวเองเข้ามาเป็นนักวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า ทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว






ผลงานด้านวิชาการของสืบ
สืบได้ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าออกมามากมาย ตั้งแต่การสำรวจติดตามชนิดและพฤติกรรมการทำรังของนก สำรวจแหล่งอาศัยของกวางผา ค้นหาและศึกษาพฤติกรรมของเลียงผา มาจนถึงการสำรวจศึกษาสภาพทางนิเวศของป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร และได้เป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาคชีววิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  1. การทำรังวางไข่ของนกบางชนิดที่ อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2524
  2. รายงานการสำรวจนก บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2526
  3. รายงานผลการวิจัย วางแผนขั้นรายละเอียดสำหรับ ฟื้นฟูสภาพป่าไม้และ การจัดการป่าไม้บริเวณ พื้นที่ป่าต้นน้ำคลองแสง โครงการเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี 2527
  4. การศึกษานิเวศวิทยาของสัตว์ป่า ในบริเวณโครงการ ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาภูพาน ตามพระราชดำริ 2528
  5. นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรและ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง 2529
  6. รายงานผลการจับเนื้อทราย ที่เกาะกระดาษ 2529
  7. เลียงผาที่พบในประเทศไทย การกระจายถิ่นที่อยู่อาศัย และพฤติกรรมบางประการ 2529
  8. สำรวจถิ่นที่อยู่อาศัยของเก้งหม้อ
  9. นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และ จ.ตาก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และ จ.ตาก กุมภาพันธ์ 2530 โดย สืบ นาคะเสถียร, นริศ ภูมิภาคพันธุ์, ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ
  10. การสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับ สัตว์ป่าในพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส
  11. การอพยพสัตว์ป่า ในอ่างเก็บน้ำรัชชประภา สัมมนาสัตว์ป่า 2532
  12. วิเคราะห์ความเหมาะสม จากรายงานและแผนการ แก้ไขผลกระทบด้านทรัพยากร ป่าไม้และสัตว์ป่า
  13. โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แควใหญ่ตอนบน (Assessment on Report and Impact Assessment Plan on Forestry and Wildlife of Upper Quae Yai Project)
  14. รายงานการประเมินผลงาน ช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) จ.สุราษฏร์ธานี
  15. Nomination of the Thung Yai-Huay Kha Khaeng Wildlife Sanctuary to be a UNESCO World Heritage Site, May 1990 Submitted by the Wildlife Conservation Division, Royal Forest Department Prepared Seub Nakasathien and Belinda Stewart-Cox




โครงการอพยพสัตว์ป่าเชี่ยวหลาน
สืบ นาคะเสถียร ได้รับตำแหน่งหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่า โดยมีงบประมาณเริ่มต้นเพียง 8 แสนบาท ในการรับผิดชอบพื้นที่แสนกว่าไร่ โดยไม่มีการอนุมัติอุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์ป่าแม้แต่เรือ แม้กระนั้นสืบได้ทำงานทั้งวันทั้งคืน และศึกษาข้อมูลจากทุกแหล่งทั้งหนังสือในเมืองไทย และหนังสือจากต่างประเทศ ตลอดจนขอความรู้จากนายพรานเก่าที่มีความชำนาญในการจับสัตว์ป่ามาก่อน
ในปี พ.ศ. 2529 สืบได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) บริเวณแก่งน้ำเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบได้รับหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเหลืออพยพสัตว์ป่าที่ตกค้างในอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากปัญหาการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้ทุ่มเทเวลาให้กับการกู้ชีวิตสัตว์ป่าที่หนีภัยน้ำท่วม ถึงแม้ว่าโครงการอพยพสัตว์ป่าสามารถช่วยสัตว์ได้กว่า 1,364 ตัว สืบรู้สึกเสียใจกับสัตว์อีกจำนวนมากที่เสียชีวิตไป สืบเริ่มเข้าใจปัญหาและ ตระหนักว่างานวิชาการเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยเหลือป่าและสัตว์ป่าจากการถูกทำลายได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาระดับชาติ โดยจะเห็นได้กรณีรัฐบาลจะสร้างเขื่อนน้ำโจน ในบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี สืบได้เข้าคัดค้านอย่างเต็มที่
สืบได้เขียนรายงานผลการอพยพสัตว์ป่าจากเขื่อนเชี่ยวหลาน เพื่อบอกทุกคนให้รู้ว่า การช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกทำลายถิ่นที่อยู่นั้น เป็นเรื่องที่เกือบจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง สืบยืนยันว่าการสร้างเขื่อนได้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ แหล่งอาหาร ตลอดจน ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรง กระทั่งความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่สามารถชดเชยได้ โดยการรวมพลังของกลุ่มนักอนุรักษ์ ซึ่งในที่สุดโครงการสร้างเขื่อนน้ำโจนได้ถูกระงับไป
ในระหว่างที่เขียนรายงานเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้รับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เพิ่มอีกตำแหน่ง และต่อมาในปี พ.ศ. 2530 สืบได้ปฏิบัติงานในโครงการศึกษาผลกระทบสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส

ในระยะนี้ เป็นจังหวะที่สืบได้แสดงความเป็นนักวิชาการออกมาอย่างเต็มที่ งานวิจัยศึกษาสัตว์ป่าเป็นงานที่สืบทำได้ดี และมีความสุขในการทำงานวิชาการมาก สืบรักงานด้านนี้เป็นชีวิตจิตใจ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ผูกพันกับสัตว์ป่าอย่างจริงจัง งานวิจัยในช่วงแรกของสืบ เป็นการวิจัยนก โดยศึกษาจำนวนนกชนิดและพฤติกรรมรวมถึงการทำรังของนกสืบได้เริ่มใช้เครื่องมือในการบันทึกงานวิจัย ซึ่งรวมถึง กล้องวีดีโอ กล้องถ่ายภาพ และการสเก็ตซ์ภาพ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ได้กลายเป็นผลงานการวิจัยสัตว์ป่าชิ้นสำคัญของเมืองไทยในเวลาต่อมา ได้แก่ ภาพถ่ายสไลด์สัตว์ป่าหายากนับพันรูป ม้วนเทปวิดีโอภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า และปัญหาการทำลายป่าในเมืองไทยหลายสิบม้วน โดยผลงานทั้งหมดสืบเป็นคนถ่ายและตัดต่อเองทั้งหมด



ตำนานของห้วยขาแข้ง
สืบ นาคะเสถียร ได้กลับเข้ามารับราชการที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. 2531 และสืบได้พยายามเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ จากองค์การสหประชาชาติ โดยเล็งเห็นว่าฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญ ที่จะคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร โดย ปลายปี พ.ศ. 2532 สืบได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่อังกฤษ พร้อมกับได้รับมอบหมาย ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในปี พ.ศ. 2533 สืบได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเน้นเรื่อง "การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง" และ "การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน"
ด้วยป่าห้วยขาแข้งเป็นผืนป่าที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าอันล้ำค่า ทำให้หลายฝ่ายต่างก็จ้องบุกรุกเข้ามาหาผลประโยชน์ สืบได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง ได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า "ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน" ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานหัวหน้าเขตฯ ถึงแม้กระนั้นก็ยังไม่สามารถปกป้องป่าได้ เนื่องจาก การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์
ในทรรศนะของสืบ หนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการสร้างแนวป่ากันชนขึ้นมา โดยให้ชาวบ้านอพยพออกนอกแนวกันชน และพัฒนาแนวกันชนให้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับความสนใจและความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

การเสียสละด้วยชีวิต
บ้านพักของสืบในห้วยขาแข้งสถานที่ที่เขาเลือกที่จบชีวิตลง
เช้ามืดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง สืบได้สั่งเสียลูกน้องคนสนิทและเขียนจดหมายสั่งเสีย 6 ฉบับ ชำระสะสางภาระรับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง รวมถึงมอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ได้จบชีวิตของเขาลง และเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายและใจ"
สองอาทิตย์ต่อมา บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายอำเภอ ป่าไม้เขต และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกนับร้อยคน ได้เปิดประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันการบุกรุกป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดย สืบ นาคะเสถียร ได้พยายามจัดตั้งการประชุมหลายสิบครั้งแต่ไม่มีการตอบรับจากเจ้าหน้านี้สักครั้งจนกระทั่งการเสียชีวิตของสืบ ทำให้มีข้อกล่าวว่า หากไม่มีเสียงปืนนัดนั้น การประชุมดังกล่าวก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน
การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร ได้ส่งผลสะเทือนอย่างล้ำลึกต่อผู้คนที่รักธรรมชาติ และแสวงหาความเป็นธรรมในสังคม ทั้งนี้เพราะว่าในยามที่ยังมีชีวิตอยู่ สืบมิได้เป็นเพียงข้าราชการอาชีพที่มีภาระการงานเกี่ยวกับการพิทักษ์ป่า และสัตว์ป่าเท่านั้น หากเป็นผู้นำคนสำคัญของขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศไทย เป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อปกปักรักษาทรัพยากรป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยไม่คำนึงภัยอันตราย การจากไปของเขานับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นความสูญเสียที่นักอนุรักษ์ธรรมชาติทุกคน ไม่อาจปล่อยให้ผ่านพ้นไป โดยปราศจากความทรงจำ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
www.seub.or.th
โทรศัพท์ / โทรสาร (02)2247838-39